[Review] Autumn in Kansai 2019 ใบไม้เปลี่ยนสีที่คันไซ Day 0

เว้นการเขียน blog ไป 1 ปีครึ่ง แฮ่
หายไปไหนมานะ… หายไปยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตการบินเหมือนเดิม จนไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นในชีวิตเท่าไหร่มั้ง
ปี 2018 จริงๆ ก็มีทริปอยู่หลายที่ที่คิดว่าจะเขียน blog นะ เช่น มีไป Bromo มา แต่สุดท้ายพลังใจในการเขียนก็ไม่มี

ทริปนี้ เป็นทริปที่บ้านรีเควส คุณอาและอาสะใภ้บอกว่า อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นปีนี้ คุยกันไปคุยกันมา ก็ได้ความว่าไปฝั่งคันไซ เพราะเขาไม่ได้มากันนานแล้ว

คันไซ (Kansai) คือภูมิภาคที่อยู่ตอนกลางทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นค่ะ ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ ชิงะ (Shiga) นารา (Nara) วากายะมะ (Wakayama) เกียวโต (Kyoto) โอซาก้า (Osaka) และเฮียวโงะ (Hyogo)

เป็นทริปที่เราวางแผนสองรอบ รอบแรก แพลนไม่ผ่าน เพราะสถานที่ที่เราเลือกใส่ในโปรแกรม เป็น Tourist Spots ซะหมด เอ้า ก็บอกว่าไม่ได้ไปนานแล้ว 5555

รอบสองเลยทำไปแบบที่ที่ไม่ใช่ Mainstream tourist spot เป็นที่ที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จัก อะ แผนผ่าน

เพราะฉะนั้นรอบนี้ เลยมาเขียน blog ค่ะ เพราะรายละเอียด แน่น มาก!

ทริปนี้ 5 วันค่ะ 19-24 November 2019 ด้วยอีเวนต์หลายๆ อย่างทำให้เราไปวันที่ 19 คนเดียวก่อน คุณอาสองท่านตามมาวันที่ 20-24 ส่วนแฟนตามมาคนสุดท้าย 22-24 ค่ะ 5555555 รวมแล้ว 4 คนเนาะ

แผนทริปโดยรวมดังนี้

Day 0 – 19 NOV 2019 – Universal Studios Japan 
– USJ all day
⇒ นอน Hotel Aston Plaza Kansai Airport

DAY 1 – 20 NOV 2019 – Wakayama
– Wakayama Castle
– สวน Nishinomaru-Teien
– Kishi Station
– Kuroshio Market
⇒ นอน Wakayama [Dormy Inn Wakayama Natural Hot Spring] 

DAY 2 – 21 NOV 2019 – Kumano
– Trekking in Kumano
⇒ นอน Wakayama ที่เดิม

DAY 3 – 22 NOV 2019 – Uji + Fushimi Inari + Gion
– เมืองชาเขียว Uji
– ศาลเจ้า Fushimi Inari
– เดินเล่นย่าน Gion
⇒ นอน Kyoto [Hotel Gentle Fox Kyoto]

DAY 4 – 23 NOV 2019 – Kinosakionsen
– Kinosakionsen
⇒ นอน Kinosakionsen [Morizuya]

DAY 5 – 24 NOV 2019 – Kinosakionsen + Osaka
– ทำกิจกรรมกับชาวบ้านที่ Kinosakionsen
– Osaka ภาคบ่ายตามใจฉัน
– เดินเล่น กินข้าว Namba
– เข้าสนามบินกลับกรุงเทพ

อันนี้เป็นตารางแบบรูปภาพที่ทำไว้คิวท์ๆ พอถึงเวลาจริงไม่ได้ใช้หรอก 😁

Plan_0010

อันนี้คือปักหมุดใน maps ไว้เพื่อให้เห็นว่าเราเดินทางเยอะขนาดไหน เป็นทริปที่นั่งรถไฟเยอะมาก แต่ก็ได้ไปหลากหลายสถานที่มากๆ ด้วย จึงจำเป็นต้องใช้ PASS อะไรสักอย่างเพื่อลดค่าเดินทางแน่นอนนน

PASS ที่ใช้ คือ JR KANSAI WIDE AREA PASS ซื้อมาจาก klook ตอนโปรโมชั่น เราจะใช้ตั้งแต่วันที่ 20-24 เป็นเวลา 5 วันพอดีเด๊ะๆ ได้มาในราคาหลังหักส่วนลดแล้ว 2,102 บาทต่อคน และซื้อตั๋วเข้า USJ มาในราคา 2,027 บาทจ้า

จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้ว เราได้มาที่ราคา 2,402 บาท แต่ว่าได้ใช้โค้ดส่วนลดไป 1,500 เราเลยถัวเฉลี่ยส่วนลดต่อรายการที่ 300 เลยตกคนละ 2,102 บาทสำหรับ JR และตั๋ว USJ เราก็เลยกลายเป็น 2,027 บาทค่ะ

DAY 0 – HAPPY BIRTHDAY to ME!

เที่ยวคนเดียวก็เฟี้ยวได้ ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งชอบเที่ยวคนเดียวน้า ❤️

ใช่ค่ะ เรามาเที่ยว USJ คนเดียว เฮ้ย เอาจริงๆ เที่ยวสวนสนุกมันโอเคมากเลยนะ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามาที่นี่ เพราะฉะนั้นเราก็เลยไม่ได้เหงา หรือคาดหวังอะไรมากมายกับมัน เราแค่ต้องการใช้ช่วงเวลาไปกับตัวเอง ในสถานที่ที่เราชอบมากๆ ค่ะ

เราบินไฟลท์ XJ612 (DMK-KIX) ออกจากสนามบินดอนเมือง 01:15 ค่ะ ตอนห้าทุ่มครึ่งเราไปที่หน้าเลาจ์ King Power เพื่อพบว่าเลาจ์เต็ม และเปิดให้เข้าอีกทีตอนเที่ยงคืน โอเค ไม่เข้าเลาจ์ก็ได้ ฮือออออ ซื้อแซนด์วิช S&P กินและไปนั่งรอหน้าเกทตามสภาพ

ขึ้นเครื่องไป นั่งแถว 14D ซึ่งเป็นแถวสุดท้ายของ Quiet Zone บอกเลยว่านอนไม่ได้จ้า แสงไฟแลบมาจากม่านด้านหลัง ซึ่งปิดๆ เปิดๆ คนเข้าๆ ออกๆ ม่าน ฯลฯ ด้วยความเป็นคนนอนยากอยู่แล้วอะนะ ชีวิตบนไฟลท์ Red eye ก็จะลำบากนิดนึง (แต่ก็ยังเลือกที่จะบิน Red eye นะ 😅) จากนาฬิกาบนข้อมือแล้ว ได้ผลออกมาว่า เราได้ Take a nap ไป 25 นาทีเท่านั้น หึ

เครื่องแลนด์ดิ้งที่สนามบินคันไซ (Kansai International Airport – KIX) ประมาณ 08:45 ของวันที่ 19 ตามกิจวัตรปกติของเราเลยถ้าลงเครื่องตอนเช้า จัดการเรื่อง ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยเสร็จสิ้น ก็เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แต่งหน้า รีเฟรชตัวเอง อ่อๆ เที่ยวรอบนี้ใช้ Sim2Fly คู่ใจเหมือนเดิมจ้า ใช้ได้ดีเหมือนที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาอะไร

ออกจากสนามบินมา อ่านป้าย มีรถบัสวิ่งตรงไป USJ ด้วยนี่นา ก็เลยจะไปซื้อตั๋ว แต่คนขายตั๋วบอกว่า เนี่ยตอนนี้มันรถติดมากเลยนะ อาจจะช้าหน่อยนะ เกือบๆ 2 ชั่วโมง ไปรถไฟดีกว่า ประมาณชั่วโมงนึง เอ๊า 5555 ก็เลยถามว่า แล้วรถไฟถูกกว่าใช่มั้ย เค้าก็บอกว่าใช่ ถูกกว่า โอเคค่ะพี่

ถึงเวลาพึ่งเพื่อนยากของเราเจ้าเดิมค่ะ hyperdia.com เว็บไซต์รถไฟญี่ปุ่นที่รัก รอบนี้เค้ามาในโฉมใหม่ด้วยนะ ใช้แล้วงงกว่าเดิม แต่ก็เอาเถอะ

จากสนามบินคันไซ (ชื่อสถานี KANSAI AIRPORT) ไป USJ (สถานี UniversalCity) มีทั้งแบบเปลี่ยนรถไฟครั้งเดียวและสองครั้ง ลองดูรอบเวลาดีๆ นะคะ การขึ้นรถไฟก็ใช้บัตร SUICA หรือ ICOCA หรือบัตรอิเล็คทรอนิคส์อื่นๆ ได้เลยนะคะ ส่วนตัวเราหาบัตร SUICA ไม่เจอ เลยไปซื้อบัตรสำหรับตื๊ดๆ ใหม่ ในภูมิภาคคันไซ บัตร ICOCA นั้นเป็นเจ้าตลาดอยู่ กดซื้อจากตู้อัตโนมัติได้เลย หน้าตาจะเป็นน้องตัวตุ่นแบบนี้

Image result for icoca card

ค่าใช้จ่ายรอบแรก 1,210 เยนถ้วน พอไปถึงสถานี UniversalCity แล้วก็จะเจอเมืองยูนิเวอร์แซลเลยค่ะ ร้านขายของ ร้านอาหารมากมายเต็มไปหมด ใครหิวข้าว ควรฝากท้องไว้แถวนี้เลย เพราะอาหารข้างในแพงงงงง มากกกกก พร๊อพหูหมาหูหมี ไม่ต้องรีบซื้อก็ได้ ราคาเท่ากับข้างใน แต่ซื้อก่อนได้ใช้ถ่ายรูปก่อน และใช่ค่ะ ดิชั้นก็ซื้อก่อนเข้าประตูสวนสนุก 55555

บัตร USJ ที่เราซื้อมาจาก KLOOK นั้น เราสามารถใช้ QR Code จากในแอพ สแกนเข้าประตูสวนสนุกได้เลยนะคะ ไม่ต้องไปแลกเป็นบัตรแข็งหรืออะไร สวยๆ เก๋ๆ paperless สุด

ด้วยความติ่ง Harry Potter เราก็ตรงไปที่โซน The Wizarding World of Harry Potter ทันทีค่ะ หลงทางไปบ้าง ไม่ได้มาหลายปี แผนที่ดาวน์โหลดได้จากเว็บของ USJ เลยนะคะ https://www.usj.co.jp/e/common/studiomap.html วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา ไม่ต้องกดบัตรคิวเข้าโซนนี้ เดินเข้าไปได้เลย โชคดีมากๆ คนไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ

The Flying Ford Anglia รอต้อนรับคุณอยู่ที่ด้านหน้าโลกแห่งพ่อมด!
คุณคนขับรถไฟ Hogwarts Express เอ๊ นึกในหนังไม่เห็นออก
แน่นอนค่ะ Butter Beer และวิวปราสาท Hogwarts ริมน้ำของเรา

ครั้งนี้เราขึ้นเล่น The Flight of Hippogryff เป็นเหมือนรถไฟเหาะเล็กๆ พอสนุกกรุบกริบ และ Harry Potter and The Forbidden Journey ซึ่งเคยโดนมาแล้วรอบนึง รอบนี้ก็ยังไม่เข็ด แต่บอกเลยว่ารอบหน้าไม่เอาแล้วจ้า เมาเครื่องมาก เราเป็นคนเมาพวกหนัง 3D อะไรพวกนี้อะค่ะ ตัวเครื่องเล่นนี้คือเรานั่งไปบนเก้าอี้ ละมันจะลากเรา หมุนซ้ายหมุนขวา เงยหน้า ผ่านจอหนังเอฟเฟ็กซ์ต่างๆ ให้เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ อะค่ะ แต่ข้อดีของมันคือ มีแถว Single Rider สำหรับคนมาคนเดียว ซึ่งแทบจะไม่มีคิวเลย ทำให้เราตัดแถวไปได้เยอะมากๆๆ แทบไม่ต้องรอเลย อภิสิทธิ์สุดๆๆ

เราทานข้าวมื้อบ่ายที่ร้านไม้กวาดสามอัน หรือ The Three Broomsticks ซึ่งก็เพิ่งเคยเห็นว่ามันมีไม้กวาดสามอันแขวนอยู่ข้างในจริงๆ วันนี้คนไม่เยอะ นั่งที่นั่งด้านนอกริมน้ำสบายๆ อากาศก็กำลังดีมากๆ ไม่หนาวเกินไปค่ะ อาหารราคาแรงมากๆๆๆ เรากินสลัดไก่ไปอย่างเดียว ประมาณ 1,300 เยนได้

จากนั้นก็เดินเล่นต่อใน Hogsmeade อีกหน่อยนึง นั่งเล่นจิบบัตเตอร์เบียร์ไป ดูบรรยากาศไปแบบชิลๆ และคอยหักห้ามใจไม่ให้ซื้อไม้กายสิทธิ์มาเล่น 😂 ในโชว์ร้านขายไม้กายสิทธิ์ของลุงโอลิแวนเดอร์รอบนี้เราชอบมากๆ เพราะว่านักแสดงที่เล่นเป็นคุณลุงนั้นเป็นฝรั่ง และพูดสองภาษา ญี่ปุ่นสลับกับอังกฤษ คือคนทั้งห้องประมาณ 20 กว่าคน มีคนญี่ปุ่นแค่ 2 คนเองมั้ง ที่เหลือคนจีนบ้าง และก็น่าจะประมาณอินโดหรือฟิลิปปินส์หรือเวียดนามเนี่ย (และก็เราเป็นคนไทยหนึ่งเดียว 55) เมื่อครั้งที่แล้วที่มาเหมือนเค้าจะพูดญี่ปุ่นอย่างเดียวเลย

แดดดีด้วย ฟ้าสวยสุดๆ เลย

ดื่มด่ำกับบรรยากาศแห่งโลกเวทมนต์เสร็จแล้วก็ไปที่โซน Jurassic Park ตั้งใจจะไปเล่น Flying Dinosaur อันโด่งดัง เพราะไม่เคยได้เล่นเลยยยย ไม่ว่าจะที่ Singapore หรือที่นี่ เพราะคิวยาว มาก มาก วันนี้ไปก็คิวยาวมากเหมือนกัน แต่เราได้อภิสิทธิ์ Single Rider เลยใช้เวลาไม่นานมาก ประมาณ 25 นาทีมั้ง สนุกสุดๆๆๆๆๆๆๆ อยากเล่นหลายๆ รอบบบบบบบ

ไปได้จังหวะที่มีโชว์ไดโนเสาร์พอดี น่าร้ากกกกก

จากนั้นเราก็ตรงไปยังโซนใหม่ค่ะ โซน Minion Park นั่นเองงงงงงงงง ตอนจะซื้อที่คาดผม ชั่งใจระหว่างมินเนียนกับสนูปปี้มากๆๆๆ จริงๆ ไม่ได้ติ่งสนูปปี้เลย แต่ใส่แล้วมันเป็นหูหมาน่ารักกก และคิดว่าถ้าใส่ที่คาดหัวมินเนี่ยน มันจะเด่นกว่าหน้าเรา ยอมไม่ได้ 55555555555

โซน Minion Park มีเครื่องเล่นแค่ 2 อัน อันแรกจะเหมือนถ้วย นั่งรถมินเนียนแล้วหมุนๆ อีกอันคือ Despicable Me Minion Mayhem ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ก็ต่อแถวเข้าไป ไม่มี Single Rider ด้วย รอโคตรนานนนนนน ระหว่างแถวรอ จะมีป้ายเหมือน Propaganda การเมืองยุคฮิตเลอร์ ที่จะ Recruit คนให้สมัครไปเป็นมินเนี่ยน ชีวิตดี มีกล้วยกิน อะไรแบบนี้ ตลกมากๆๆ สรุปพอเข้าไปเล่น มันเป็นเครื่องเล่น 4D อีกแล้วจ้าาาาาา แงงงงงง หลับตาไป 1/3 เรื่อง ไม่ไหววว จะอ้วกสุดดดด แต่มินเนี่ยนน่ารักจริงยอมมมม

ต่อมาก็ถึงจุดทางเลือกเพราะมันเริ่มจะเย็นแล้ว ตอนแรกเราจะไปดูโชว์ของโซน Harry Potter เหมือนเดิม แต่ปรากฏว่าเดินไปถึงจุดที่เค้าเตรียมโชว์ Universal Crystal Christmas ไอ้เราก็อินๆ กับอะไรคริสต์มาสๆ บวกกับดันไปนึกถึง Elsa (แต่นั่นมัน Disney! ที่นี่ Universal จ้า) ก็เลยไปนั่งรอดูโชว์กะเค้าด้วย รอไปเกือบชั่วโมงแน่ะ

ในเว็บไซต์เค้าก็โปรโมตโชว์นี้สุดๆ

ตัวโชว์มันก็อลังการอยู่นะ มีคนเหาะเป็นนางฟ้าอยู่บนดาดฟ้าตึกด้วย แสงสีเสียง ควัน มาครบ เต้นดี ตัวละครหลักก็เล่นใหญ่ ฟาด เอาอยู่ แต่พี่จ๋า เป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนอีกแล้ว เราก็เดาเนื้อเรื่องไปแหละ เป็น ดญ. ดช. เจอกันตอนเด็ก ละสัญญาอะไรกันไว้ โตมาเหมือนจะแคล้วกัน แต่สุดท้ายก็ลงเอยกัน เป็นสัญญาแห่งวันคริสต์มาสที่เคยให้กันไว้

สรุปว่าแอบเสียดาย เราไม่อินเท่าไหร่ น่าจะไปดูโชว์คริสต์มาสของ Hogwarts เอแงงงง แต่ว่าไม่ทันละ มืดละ เดี๋ยวกลับโรงแรมไม่ทัน ฮืออออออ

โรงแรมเราจองไว้ที่ Hotel Aston Plaza Kansai Airport เพราะว่าวันถัดมาต้องไปรับคุณอาที่สนามบินแต่เช้า (บินไฟลท์ข้ามคืนมาเหมือนกัน) ละก็ที่นี่มี Free Shuttle Bus รับส่งที่สนามบินจ้า รอบรถดูได้ที่เว็บไซต์โรงแรมเลยนะ แต่เราจองโรงแรมผ่าน Agoda 55555 ที่สำคัญคือควรส่งอีเมลแจ้งโรงแรมว่าจะขึ้น Shuttle Bus รอบกี่โมง เพราะเค้ามีรายชื่อมาให้คนขับเลย ถ้าคนอื่นมาครบแล้ว แต่เราไม่ได้แจ้งชื่อไว้ เค้าก็ไม่รอนะ เราเนี่ยไม่รู้ นึกว่ารถมาตลอดตามรอบที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ โชคดีมากที่มีคนบุ๊ครถรอบที่เราไปขึ้นด้วย

เราจองโรงแรมนี้ในราคา 2,472.24 บาท สำหรับสองคนค่ะ แต่ลงเอยด้วยการนอนคนเดียว ก็เอาเหอะ เพราะว่าจองไว้แบบรีฟันด์ไม่ได้ โรงแรมมี 10 ชั้น เราได้ชั้น 10 เลย แต่วิวข้างนอกก็ไม่มีอะไรอยู่ดี ทุกอย่างดีงามตามสแตนดาร์ดโรงแรมญี่ปุ่นเลยค่ะ ห้องแคบเล็กน้อยตามปกติ

จริงๆ แล้วเค้ามีอาหารเช้าให้ด้วยนะ ถ้าดูในเว็บไซต์มันจะเขียนว่าเบรคฟาสต์เริ่ม 06:30 แต่ตอนเช็คอิน เค้าแจ้งเราว่าเบรคฟาสต์เริ่ม 05:00 เออเว้ย เริ่ดจริงๆ ละเราก็แจ้งเค้าไปด้วยว่าจะขึ้น Shuttle Bus รอบ 06:30 น้าอะไรแบบนี้

สุดท้ายแล้ว ก็ต้องคิดว่าจะเลือกข้าวเช้าหรือเลือกนอน ใช่ค่ะ ดิชั้นเลือกนอนต่อ ไม่ได้ลงมากินข้าวเช้า แม้จะตั้งปลุกเผื่อเวลาลงมากินข้าวแล้วก็ตาม 55555 คือกว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืนครึ่งละอะ

จบวันแรกไปแล้วแบบชิลๆ นะคะ หวังว่าจะได้เขียนภาค Day 1 นะ 55555555555 ไม่หายไปเหมือนตอนไทเป คือ บล็อกที่แล้วเกี่ยวกับไทเป เขียนได้ตอนเดียวละหยุดไปเลยจ้า ทำไมเป็นคนแบบนี้!

Leave a comment